18 แหล่ง Unseen ในไต้หวัน ถ่ายรูปก็ว้าว เห็นด้วยตาเปล่าก็ฟิน! - longweekend
ใบขออนุญาตการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เลขที่
11/10606

วันเวลาทำการ

วันจันทร์-ศุกร์ : 09.00 – 18.00 น. เสาร์-อาทิตย์ และนักขัตฤกษ์ หยุดทำการ

เบอร์โทรติดต่อ

18 แหล่ง Unseen ในไต้หวัน ถ่ายรูปก็ว้าว เห็นด้วยตาเปล่าก็ฟิน!

พฤษภาคม 12, 2021 | by longweekend

1. Liushishi Mountain

บอกได้เลยว่านี่คือสวรรค์บนดินที่แท้ทรู! เพราะเป็นเนินเขาสูง 800 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที่ทอดตัวต่อเนื่องกัน กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างใหญ่ และทั้งหมดปกคลุมไปด้วยลิลลี่ป่าสีส้มอมเหลืองที่ชูช่อเบ่งบานชนิดตระการตา ตัดกับสีเขียวของพื้นหญ้าที่อยู่ด้านล่างแบบสุดสดใส ซึ่งวิวนี้จะพีคมากในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายนของทุกปี บริเวณนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน Zhutian เมือง Fuli ในมณฑล Hualien และทิวทัศน์จะเปลี่ยนไปในแต่ละฤดู อยากรู้ว่าสวยแค่ไหน ต้องไปโดน!

2. Weathering Ring

ชั้นหินแสนสวยสุดอัศจรรย์แห่งนี้ ตั้งอยู่ในเขตอุทยาน Yehliu ซึ่งในส่วนของบริเวณหน้าหาดในอุทยานแห่งนี้เกิดจากการที่มีตะกอนหินทับซ้อนกันมาเป็นเวลาเนิ่นนาน จนเกิดลวดลายสีน้ำตาลอ่อนและเข้มสลับชั้นกันอย่างสวยงามแปลกตาราวกับว่าเป็นชิ้นงานศิลปะชั้นดี และนอกเหนือจากความสวยงามของลวดลายชั้นหินในบริเวณนี้แล้ว ไม่ไกลกันนักยังเต็มไปด้วยหินสวยงามรูปร่างแปลกตาที่เกิดขึ้นจากฝีมือของธรรมชาติอีกมากมาย ยังไงก็เตรียมเมมกล้องไปส่องมุมไว้ถ่ายรูปเจ๋งๆ มาโพสต์อวดชาวบ้านให้พอก็แล้วกัน

รูปจาก http://gotaiwan.sg/en/taipei/place-of-interest/laomei-green-reef/

3. Laomei Green Reef

ชายหาดหินสีเขียวที่ให้ความรู้สึกสวยงามแปลกตาแห่งนี้ ตั้งอยู่ในเขต Shimen ในกรุงไทเป บริเวณพื้นที่ที่เป็นส่วนเหนือสุดของไต้หวัน โดยลานหินซึ่งอยู่ติดกับผืนน้ำทะเลแห่งนี้สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นจากการระเบิดของภูเขาไฟ Datun เมื่อหลายร้อยปีก่อน และเกิดเป็นลาวาไหลลงมายังทะเล ต่อมาลาวาเหล่านั้นแข็งตัวจนกลายเป็นลานหินขนาดใหญ่ในรูปร่างแปลกตา เนื่องจากการกัดเซาะของคลื่นและน้ำทะเล ซึ่งจะเกิดความสเปเชียลยิ่งขึ้นไปอีกในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมของทุกปี เพราะจะเป็นช่วงที่สภาพแวดล้อมลงตัวเหมาะเจาะพอดีกับการที่สาหร่ายสีเขียวสดจะสามารถเจริญเติบโตงอกงามขึ้นมาได้ และด้วยเหตุผลทั้งหมดที่บอกมา จึงทำให้เราได้เห็นภาพทิวทัศน์ที่แปลกตาและน่าสนใจแบบนี้ยังไงล่ะคุณ

4. Baitou Cape Hiking Trail

นี่คือเส้นทางเดินบนสันเขาที่เลาะเลียบชายทะเล ซึ่งว่ากันว่าวิวระหว่างเส้นทางนั้นสวยขั้นเทพเลยเชียวคุณ และแม้ว่าที่นี่จะอยู่ไม่ไกลจากเมือง Ruifang ใน New Taipei และห่างจากแหล่งท่องเที่ยวยืนหนึ่งของไต้หวันอย่างจิ่วเฟิ่นมาไม่ไกล แต่เชื่อมั้ยว่าบรรยากาศมันให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง บนเส้นทางเดินเขาแห่งนี้ไม่มีผู้คนพลุกพล่านวุ่นวาย คุณจึงได้เดินไปชมวิวไปแบบสงบและสุดชิลล์ แม้เส้นทางเดินจะเรียกว่าค่อนข้างไกลสำหรับใครที่ไม่ชอบเดิน แต่เชื่อเถอะว่ามันคุ้มเหลือเกินจริงๆ เพราะนอกจากวิวจะสวยน่าตื่นตาตื่นใจแล้ว เส้นทางเดินยังทำได้ค่อนข้างดี แฮปปี้คุ้มเหนื่อย เชื่อเรา

5. Queen’s Head

เรียกว่านี่คือหินสุดมหัศจรรย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในพื้นที่ของอุทยาน Yehliu ซึ่งเต็มไปด้วยหินรูปร่างลักษณะแปลกตานานารูปแบบ โดยคุณอาจจะต้องใช้เวลาเดินชมกว่าครึ่งวันถึงจะดูได้อย่างทั่วถึงเลยหละ ไม่ว่าจะเป็นหินเห็ด หินเทียน หรือรองเท้านางฟ้า แต่บอกเลยว่า Queen’s Head ก็ยังยืนหนึ่งครองแชมป์เป็นหินยอดฮิตที่ทุกคนอยากมาเซลฟี่ด้วยอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย ด้วยรูปทรงที่แลดูคล้ายรูปปั้นครึ่งตัวของสมเด็จพระราชินีอลิซาเบ็ธ แห่งประเทศอังกฤษ ชนิดที่เหมือนการแกะสลักมากกว่าการเกิดเองตามธรรมชาติ และตอนนี้ด้วยการสึกกร่อนไปตามแรงลม ทำให้ผู้คนเริ่มกังวลว่าส่วนที่เล็กที่สุดของหินก้อนนี้จะหักโค่นลงในซักวันหนึ่ง อย่ารอให้ถึงวันนั้นเลยน่า รีบไปดูด้วยตาคุณเองก่อนดีกว่าว่าอเมซิ่งจริงมั้ย?

6. Elephant Trunk Rock

อีกหนึ่งสถานที่อเมซิ่งซึ่งเกิดจากหินตามธรรมชาติของไต้หวันแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่เขต Ruifang ใน New Taipei ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งตรงจุดนี้เป็นผาหินขนาดใหญ่ที่ผ่านการจัดแต่งของธรรมชาติมาได้อย่างลงตัวพอดิบพอดี จนมีลักษณะเหมือนหัวของช้างอย่างกับมีคนแกะสลักแล้วเอามาตั้งวางไว้ ตรงบริเวณส่วนหัวของช้างเป็นผาหินที่ผู้คนนิยมไปถ่ายรูปและยืนชมความสวยของท้องทะเลด้านหน้าแบบสุดชิลล์ จะปีนป่ายขึ้นไปก็อย่าลืมใช้ความระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยกันด้วยละกันเน้อ

7. Sanxia Old Street

นี่คือย่านเศรษฐกิจเก่าแก่แห่งหนึ่งของไต้หวัน เพราะตั้งอยู่บริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำถึง 3 สาย และเคยเป็นย่านการค้าที่เฟื่องฟูมากในยุคที่การขนส่งทางเรือเป็นเส้นทางหลักที่ผู้คนส่วนใหญ่นิยมใช้ และแม้ว่าทุกวันนี้จะไม่ได้ฮ้อตฮิตเท่าในสมัยก่อน แต่คุณค่าและความงดงามทางสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจของถนนสายนี้ยังคงมีอยู่อย่างครบครัน ด้วยอาคารแบบโบราณที่สร้างด้วยอิฐแดงเรียงเป็นแนวยาวซึ่งได้รับอิทธิพลจากยุคที่ถูกญี่ปุ่นยึดครอง เมื่อได้รับการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคใหม่ ถนนนี้จึงกลายเป็นอีกหนึ่งแหล่งเดินเล่นและถนนช้อปปิ้งที่น่าสนใจ ซึ่งเหมาะที่จะใช้เป็นอีกหนึ่งโลเกชั่นถ่ายรูปเจ๋งๆ ได้เป็นอย่างดี

8. Lugu Tea Culture Center

ถ้าใครชื่นชอบบรรยากาศเขียวๆ สวยๆ ของไร่ชา บอกเลยว่าไต้หวันก็มีเด้อ และก็ยังสวยในระดับที่จะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังเลยละ โดยใน Xiaobantian นั้นถือว่าเป็นย่านที่มีไร่ชาสีเขียวกว้างใหญ่สุดสายตา และศูนย์บริการลูกค้า ที่พัก ร้านอาหาร รวมถึงพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับชาให้ได้ลองใช้บริการกันอีกด้วยนะ ไร่ชาสวยๆ ของที่นี่เริ่มมีการเพาะปลูกกันตั้งแต่ในราวๆ ปี ค.ศ.1855 เป็นต้นมา ยาวนานขนาดนี้จึงเชื่อใจในคุณภาพชาของที่นี่ได้เลย แวะมาดูไร่ชา มาถ่ายรูปสวยๆ แล้วละก็อย่าลืมชิมเชียว

9. Qingjing Farm

ฟาร์มแสนสวยแห่งนี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่เมือง Nantou โดยเริ่มเปิดทำการกันมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1961 โน่นละ ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน พร้อมด้วยธรรมชาติสวยงามเขียวขจีแสนอุดมสมบูรณ์ ที่นี่จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นสวิสเซอร์แลนด์ของแดนไต้หวันกันเลยละ ด้วยความที่มีทั้งทุ่งหญ้าและฟาร์มแกะขนาดใหญ่ในพื้นที่สูงเสียดฟ้า พร้อมด้วยบ้านเรือนหลังเล็กๆ ในสไตล์แสนน่ารักที่อยู่ระหว่างทางขึ้นมายังด้านบนของภูเขา เราว่าใครที่เป็นสายชิลล์ รักธรรมชาติ ชอบความสโลว์ไลฟ์ ถูกใจที่นี่แน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์!

10. Aowanda National Forest

เขตป่าสงวนของไต้หวันแห่งนี้อยู่ไม่ไกลมากนักจากเมืองไถจง ที่นี่จะพีคแบบสุดๆ ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เนื่องจากในเขตป่าสงวนแห่งนี้เต็มไปด้วยต้นเมเปิ้ลมากมาย ที่นี่จึงกลายเป็นหนึ่งจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่โด่งดังแห่งหนึ่งของไต้หวัน นอกจากนั้น ในช่วงฤดูร้อนป่าแห่งนี้ก็จะเต็มไปด้วยหิ่งห้อยในยามค่ำคืน แถมยังมีแม่น้ำและน้ำพุร้อนอยู่ในพื้นที่ป่าอีกด้วย และแม้ว่าจะอยู่ไม่ไกลจากเมืองไถจง แต่ที่นี่ก็ถือว่าค่อนข้างสงบและไร้ซึ่งความวุ่นวาย ใครเป็นสายเดินป่าบอกเลยว่าที่น่าสนใจและไม่อยากให้พลาดเลยเชียว

11. Hehuanshan National Forest

ภูเขาเหอหยวน นอกจากจะเป็นภูเขาที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของไต้หวันแล้ว ยังเรียกว่าเพียบพร้อมในด้านความสะดวกสบายในการเดินทาง เพราะแม้จะเป็นภูเขาที่มีความสูงประมาณ 3,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล แต่ที่นี่ก็มีถนนตัดผ่านขึ้นมาถึงด้านบน และว่ากันว่าถนนเส้นนี้คือถนนที่สูงที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกอีกด้วยนะ บนภูเขาแห่งนี้มีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ที่ราวๆ 6 องศา ในช่วงฤดูหนาวจะมีหิมะตกลงมาปกคลุม ด้วยเส้นทางที่สะดวกสบายและยังมีที่พักให้บริการ ที่นี่จึงเป็นจุดหมายที่ชาวไต้หวันมักจะปักหมุดมุ่งหน้ามาชมทิวทัศน์ของทะเลหมอกและมานอนดูดาวกันตลอดแทบจะทั้งปีเลยทีเดียวนะคุณ

12. Xiluo Bridge

สะพานสีแดงสดที่ทอดตัวยาวผ่านทุ่งนากว้างซึ่งมีแบ็คกราวนด์ด้านหลังเป็นทิวเขาแห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งทิวทัศน์สุดคลาสสิกที่ดูได้ไม่มีเบื่อเลยละ สะพานแห่งนี้ทอดข้ามแม่น้ำ Zhoushui และเป็นสะพานที่เชื่อมผ่านเมือง Changhua และ Yunlin เอาไว้ เห็นสีแดงสดขนาดนี้ แต่นี่คือสะพานที่สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคที่ญี่ปุ่นยังปกครองไต้หวันอยู่เลยนะ โดยสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1953 ซึ่งในเวลานั้นสะพานแห่งนี้มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองของโลกรองจากสะพานโกลเด้นเกตในอเมริกา ด้วยระยะทางยาวเกือบ 2 กิโลเมตร แม้ปัจจุบันจะไม่ค่อยมีการใช้งานแล้ว แต่ชาวไต้หวันก็ยังคงเก็บที่นี่ไว้เป็นหนึ่งในสถานที่ประวัติศาสตร์ที่ทั้งสวยงามและสำคัญ ครบครันขนาดนี้ถ้ามีเวลาก็อย่าลืมแวะไปแชะรูปกันให้ได้เชียว

13. Alishan National Forest

อุทยานแห่งชาติอาลิซันแห่งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ชาวไต้หวันนิยมมาใช้เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจกันอยู่เสมอ เพราะเป็นยอดเขาที่มีความสูงราวๆ 2,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10 องศาเซลเซียสตลอดปี แถมที่นี่ยังมีจุดชมวิวสวยๆ หลายจุด มีการทำทางเดินชมพื้นที่ป่าศึกษาธรรมชาติได้อย่างดีและสะดวกสบาย นอกจากนั้น ที่นี่ยังเดินทางมาถึงได้ด้วยรถไฟ! ทั้งง่ายทั้งชิลล์ จะแค่เดินทางมาชมวิวหรือจะนอนค้างซักคืนก็คุ้มค่าและน่าจะฟินสุดๆ เลยหละ

14. High-Heel Wedding Church

นี่คือโบสถ์สุดแหวกแนวที่ถ้าไม่เห็นด้วยตาคงไม่เชื่อว่าจะมีใครกล้าทำ! โบสถ์รองเท้าส้นสูงแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมือง Budai ใน Chiayi และได้รับการบันทึกจากกินเนสส์ว่าเป็นโครงสร้างของรองเท้าส้นสูงที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้านในมีอุปกรณ์เครื่องใช้ในพิธีแต่งงานครบครัน ที่เจ๋งกว่านั้นคือโบสถ์นี้มีที่มา ไม่ใช่แค่ว่าสร้างให้เก๋ๆ เท่านั้นนะ แต่ที่นี่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่หญิงสาวที่ป่วยเป็นโรค Blackfoot ซึ่งเกิดจากการปนเปื้อนของสารหนูในน้ำ โดยผู้ป่วยจะมีอาการเนื้อที่เท้าตายจนกลายเป็นสีม่วงคล้ำ และทำการรักษาได้ด้วยการตัดทิ้งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พวกเธอจึงหมดโอกาสที่จะได้แต่งงานหรือสวมรองเท้าส้นสูงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของหญิงสาวอีกต่อไป โบสถ์นี้จึงสร้างขึ้นมาเพื่อระลึกและอุทิศให้แก่หญิงสาวที่ถึงคราวเคราะห์ร้ายเหล่านั้นนั่นเอง

15. Baiyang Trail

นี่คือเส้นทางเดินภายในถ้ำที่ความยาวรวมแค่เพียงประมาณ 2 กิโลเมตรเท่านั้น แต่ด้วยเพราะมีเส้นทางเข้าได้จากถ้ำถึง 6 ถ้ำ จึงทำให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศที่แตกต่างกันไปในแต่ละเส้นทาง ทั้งระทึกใจ ลึกลับ หรือแม้กระทั่งโรแมนติกอย่างไม่น่าเชื่อ! เส้นทางในบางถ้ำจะคดเคี้ยวและค่อนข้างมืด ในขณะที่บางถ้ำสว่างด้วยแสงไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ การเข้าจากปากทางแห่งหนึ่งอาจใช้เวลาเดินเพียงแค่ 40 นาที ในขณะที่อีกทางคุณต้องเดินถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง! อยากเดินฟีลไหนก็เลือกกันได้เลย ถ้ำนี้ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อุทยาน Taroko อันโด่งดังและเดินทางได้ไม่ยากเย็น ใครอยากลองเดินหรืออยากเห็นด้วยตาก็มากันเด้อ

16. Buluowan

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ Taroko ที่นี่เป็นภูเขาสูงราวๆ 370 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที่มีอุณหภูมิเย็นสบายคงที่อยู่ที่ประมาณ 21.5 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปี บริเวณใกล้กับจุดบริการนักท่องเที่ยวของที่นี่เป็นทุ่งหญ้าสีเขียวสดที่มีลิลลี่ป่าขึ้นกระจัดกระจายอยู่ทั่วๆ ไปในบริเวณนี้ โดยมีการทำเส้นทางเดินเพื่อชมความงามของดอกไม้ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาลอยู่หลายเส้นทาง และยังเป็นระยะสั้นๆ ที่เดินง่ายและไม่ทำให้เหนื่อยเกินไปสำหรับใครที่ไม่ค่อยชอบออกกำลังกาย ง่ายขนาดนี้ต้องไปแล้วหละ เชื่อเหอะน่าว่าสวยจริง

17. Bi Mountain

หมู่เกาะ Matzu ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของไต้หวัน โดยมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นหินแกรนิตและยอดเขาที่สูงชัน และมี Bi Mountain เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในบริเวณนี้ ซึ่งมีความสูง 294 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล พื้นที่ละแวกนี้เคยถูกใช้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางการทหาร โดยจะเห็นได้จากป้อมปราการลายพรางสีเขียวที่กระจายตัวอยู่หลายจุดรอบๆ บริเวณ จุดชมวิวมุมสูงด้านบนยอดเขาแห่งนี้จะทำให้คุณได้เห็นทิวทัศน์ของพื้นที่โดยรอบแบบ 360 องศา จะเป็นอ่าว หาดทรายขาว หรือน้ำทะเลสีฟ้าครามใสสะอาด ก็กวาดตามองได้หมดจากจุดนี้เพียงจุดเดียวเลย

18. Twin Heart Stone Weir

เมือง Penghu ได้ชื่อว่าเป็นบ้านของฝายหิน เพราะเมืองนี้เมืองเดียวมีการสร้างฝายหินขึ้นถึง 558 แห่ง และถ้าจะให้พูดถึงฝายหินที่ยืนหนึ่งในตำแหน่งฝายหินสุดมุ้งมิ้งละก็ ต้องขอยกให้ที่นี่จริงๆ ละ เพราะเค้าสร้างฝายแห่งนี้ให้เป็นลักษณะของหัวใจ 2 ดวงที่อยู่คู่กัน โดยฝายหินแบบนี้สร้างขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์เพื่อจะใช้ดักปลาที่ว่ายมาในบริเวณนี้และติดอยู่ที่บริเวณฝายในเวลาน้ำลง เป็นการทำประมงพื้นบ้านแบบง่ายๆ โดยใช้ธรรมชาติเป็นหลักนั่นเองละ เพียงแต่ว่าทุกวันนี้น่ะ เจ้าฝายหินรูปหัวใจกลับเป็นกับดักดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมได้มากกว่าปลาน่ะสิ เอ๊ะ ว่าแต่แล้วมันจะดีมั้ยเนี่ย??

หวังว่า 18 แหล่งท่องเที่ยวที่มาพร้อมกับวิวแบบ Unseen in Taiwan ที่เราเอามาฝากกันน่าจะมีที่ถูกใจคุณบ้างละน่า ดูแล้วไม่น่าเชื่อเลยใช่มั้ยว่าไต้หวันน่ะ จะมีสถานที่สวยๆ และแปลกตาแบบนี้ซ่อนอยู่ด้วย แถมจริงๆ คือมีเยอะอย่างไม่น่าเชื่อด้วยนะ เพราะที่ยกมาเนี่ยเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง ยังมีแหล่งอันซีนอีกเพียบเลยที่เรายังไม่ได้จัดมา เอาไว้โอกาสหน้าก็แล้วกันนะ ทุกวันนี้ไต้หวันเป็นประเทศที่เดินทางง่ายแถมค่าใช้จ่ายก็ไม่สูง ถ้าคุณเดินทางไปไต้หวันก็อย่าลืมแวะไปดูวิวว้าวๆ ที่เราเอามาฝากกันบ้างนะ เชื่อว่าทั้งหมดนี้จะสวยสะใจและไม่ทำให้คุณผิดหวังที่ดั้นด้นไปอย่างแน่นอน คอนเฟิร์ม!!!

ขอบพระคุณสำหรับข้อมูลและภาพประกอบ

https://www.traveloka.com/

รูปประกอบส่วนหนึ่งจาก https://eng.taiwan.net.tw/

จองผ่านไลน์

ติดต่อโปรโมชั่นทัวร์